ผักใบเขียว
ที่มาของข้อมูล
ผักใบเขียว
คือ ผักที่มีสีเขียวเเละบริโภคได้ ซึ่งเป็นแหล่งรวมของสารอาหารที่มีประโยชน์ต่างๆ และแร่ธาตุแม็กนีเซียมซึ่งเป็นองค์ประกอบอยู่ในโมเลกุลของคลอโรฟิลล์ ที่มาของข้อมูล
แมกนีเซียม (Magnesium) คือแร่ธาตุที่สำคัญและจำเป็นของร่างกายมนุษย์
สามารถพบได้ในทุกเซลล์ของร่างกาย แต่บริเวณที่พบมากก็คือที่กระดูก
ในเซลล์กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อ
ดังนั้นแมกนีเซียมจึงถือเป็นแร่ธาตุจำเป็นที่ร่างกายขาดไม่ได้
ประโยชน์ของผักใบเขียว
- แก้ท้องผูก แก้ปัสสาวะขุ่น
- ช่วยรักษาสมดุลของเกลือแร่ในร่างกาย
- ช่วยควบคุมสมดุลของระดับแคลเซียม
- ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ต่างๆ
- เมื่อหายใจหรือกินเอาสารพิษเข้าไป คลอโรฟิลล์ก็จะเป็นพระเอกที่จะช่วยขับสารพิษต่างๆ ออกจากร่างกาย
- ช่วยทำความสะอาดเซลล์ต่างๆ ทำความสะอาดกระเพาะอาหาร ลำไส้ และตับ
- ช่วยให้กล้ามเนื้อต่างๆ ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
- ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
- ช่วยบำบัดอาการผมร่วง อาการนอนหลับยาก และปวดหัว
- ป้องกันโรคหอบหือ และเส้นเลือดขอด
ช่วยในการเผาผลาญโปรตีน แป้ง และไขมัน ที่มาของข้อมูล
สุดยอดผักใบเขียว 8 ชนิด ที่ควรกินเป็นประจำทุกวัน ดีต่อสุขภาพกาย และใจแน่นอน!
1. ผักเคล (Kale)

ผักเคล หรือคะน้าใบหยิก เป็นผักที่กินได้ทั้งใบไปจนถึงก้าน จัดเป็นพืชผักในวงศ์ Brassicaceae เช่นเดียวกับคะน้า กะหล่ำปลี บร็อคโคลี่ และกะหล่ำดอก ผักเคลถูกขนานนามว่าเป็นราชินีแห่งผักสีเขียวทั้งมวล (Queen Of Greens) และได้รับการยอมรับว่าเป็น Super food หรืออาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และหลากหลาย เมื่อเทียบกับผักประเภทอื่น ๆ ในปริมาณที่เท่ากัน
2. ผักกาดเขียว (Mustard greens)

ผักกาดเขียว มีเบต้าแคโรทีนอยู่มาก เมื่อกินแล้วจะได้วิตามินเอซึ่งช่วยบำรุงให้ดวงตามีสุขภาพดี ป้องกันโรคตาบอดกลางคืน โรคตาฟาง และต้อตาในผู้สูงอายุ มีวิตามินซีที่ช่วยให้เหงือกแข็งแรง ลดอาการเลือดออกตามไรฟัน ผักกาดเขียวที่แก่แล้วจะมีกลิ่นฉุน และมีรสเผ็ดร้อน ซึ่งมีสรรพคุณในการช่วยย่อยอาหาร และบำรุงธาตุลมในร่างกาย รวมถึงมีเส้นใยที่มีประโยชน์ต่อการขับถ่ายอีกด้วย
3. ผักปวยเล้ง (Spinach)

ผักปวยเล้ง เมื่อได้ยินชื่อภาษาอังกฤษ Spinach หลายคนจะเข้าใจผิด คิดว่าเป็นผักโขม แต่จริง ๆ แล้ว Spinach คือชื่อเรียกของผักปวยเล้ง (ส่วนผักโขมมีชื่อภาษาอังกฤษว่า Amaranth ปวยเล้งถือว่าเป็นผักที่ดีต่อคนที่มีความเครียดเป็นประจำทุกวัน เพราะ ในผัก ปวยเล้งมีกรดโฟลิกสูงเมื่อเทียบกับผักชนิดอื่น ๆ โดยกรดโฟลิก เป็นสารประกอบจำเป็นใน การสร้างสารซีโรโทนินในระบบเซลล์ประสาท สารตัวนี้ช่วยทำให้ร่างกายผ่อนคลาย นอน หลับง่าย
4. ผักบุ้ง (Water spinach)

ผักบุ้ง เป็นผักที่เราคุ้นเคยตั้งแต่ยังเด็ก เนื่องมาจากผักบุ้งมีวิตามินเอสูง ซึ่งวิตามินเอจะบำรุงสายตา และช่วยให้ดวงตามีน้ำหล่อเลี้ยงจนตาเป็นประกาย ไม่แสบ ไม่แห้ง สรรพคุณแผนโบราณใช้รักษาตาแดงตามัว ตาฟาง บำรุงสายตา เป็นผักที่มีรสเย็น ช่วยบรรเทาอาการร้อนใน นอกจากนี้ผักบุ้งยังมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในการชะลอวัย ความแก่ชรา และชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัย
5. บรอกโคลี (Broccoli)

บรอกโคลี เป็นผักในตระกูลกะหล่ำปลีที่มีรูปร่างหน้าตา และรสชาติคล้ายคลึงกับกะหล่ำดอก รับประทานได้ทั้งดอกอ่อน และก้าน นำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู เป็นที่นิยมในสายรักสุขภาพ บรอกโคลีจึงถูกยกให้เป็นหนึ่งในสุดยอดผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการ และมีประโยชน์ต่อสุขภาพนักวิจัยเชื่อว่า บรอกโคลีอุดมไปด้วยสารประกอบที่มีคุณสมบัติต้านเซลล์มะเร็ง โดยมีการศึกษาพบว่าใบ และลำต้นของบรอกโคลี มีสารต้านอนุมูลอิสระอย่างสารประกอบกลุ่มฟีนอลิก ซึ่งอาจช่วยลดการอักเสบ และความเสียหายของเซลล์ต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดมะเร็งได้
6. ขึ้นฉ่าย (Celery)

ขึ้นฉ่าย หรือที่หลายคนเรียกคื่นช่าย เป็นผัก และสมุนไพรที่มีกลิ่นหอม ใบคล้ายกับผักชีแต่ใบใหญ่กว่า และมีกลิ่นฉุน นิยมใช้ในการปรุงอาหารที่ต้องการดับกลิ่นคาว หรือเพิ่มความหอมของน้ำซุป ขึ้นฉ่าย มีโพแทสเซียมสูง ทำให้หลอดเลือดขยายตัว ช่วยลดความดันโลหิตสูง ช่วยขับปัสสาวะ รักษาโรคปวดข้อ เช่น รูมาติก และโรคเกาต์ มีโซเดียมอินทรีย์ที่สามารถช่วยปรับความเป็นกรด และด่างในเลือดให้สมดุล น้ำคั้นจากขึ้นฉ่ายมีสรรพคุณเป็นยากล่อมประสาท ทำให้รู้สึกสบาย และนอนหลับได้ดี
7. ชะอม (Climbing wattle / Cha-om)

ชะอม เป็นไม้พุ่มขนาดย่อม มีหนามแหลม ส่วนลักษณะของใบชะอมเป็นใบประกอบสีเขียวขนาดเล็ก ชะอม ชะอมมีสรรพคุณช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ เนื่องจากมีวิตามินเอสูง ช่วยในการขับถ่าย ป้องกันโรคท้องผูก รากชะอมนำมาฝนกินช่วยแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ปวดท้อง และช่วยขับลมในลำไส้ได้นับว่าเป็นผักที่มีประโยชน์สูงต่อสุขภาพที่มาของข้อมูล