Translate

การนำเสนอพันธ์ุไม้จากสวนพฤกศาสตร์ โรงเรียนพระหฤทัยดอนเมืง

 7-10210-010-054

 7        คือ รหัสกิจกรรมสร้างจิตสำนึกฯ 

10210 คือ รหัสไปรษณีย์ประจำท้องถิ่นโรงเรียน

010     คือ รหัสสมาชิกสวนพฤกศาสตร์โรงเรียนของเเต่ละพื้นที่โดยเเบ่งตามรหัสไปรษณีย์

054     คือ รหัสการขึ้นทะเบียนพรรณไม้ในโรงเรียน ลำดับที่ 54 ลั่นทมขาว

          ลั่นทมขาว  ข้อมูลอ้างอิงจากโรงเรียนพระหฤทัยดอนเมือง




   ชื่ออื่นๆ                :     ลีลาวดี

   ชื่อสามัญ             :     Singapore plumeria, Frangipani, Plumeria, Pagoda tree,

                                  Temple tree

   ชื่อวิทยาศาสตร์   :     Plumeria obtusa L.

   วงศ์                      :     APOCYNACEAE

   ถิ่นกำเนิด             :     เม็กซิโก อเมริกากลาง และอเมริกาใต้

   ลักษณะทั่วไป       :     ไม้พุ่มขนาดกลาง พุ่มกลมเมื่ออยู่กลางแจ้ง

   ฤดูการออกดอก   :      ออกดอกตลอดปี

   การขยายพันธุ์     :      การปักชำ                                    


                                     การเสียบยอด


                                        การเพาะเมล็ด   ที่มาของข้อมูล


    ความเชื่อ

      คนโบราณมีความเชื่อว่า ต้นลั่นทมนั้น ไม่ควรปลูกในบ้าน ด้วยมีชื่ออัปมงคล คือ ไปพ้องกับคำว่า ระทม ซึ่งแปลว่า เศร้าโศก ทุกข์ใจ จึงได้มีการเรียกชื่อเสียใหม่ให้เป็นมงคลว่า  "ลีลาวดี"

   ลักษณะทั่วไป

        ต้น เป็นไม้ยืนต้น มีขนาดตั้งแต่พุ่มเตี้ยแคระสูงประมาณ 0.9-1.2 เมตร จนถึงต้นที่สูงมาก อาจสูงถึง 12 เมตร  มีน้ำยางสีขาวข้น เป็นไม้ผลัดที่สลัดใบในฤดูแล้งก่อนที่จะผลิดอกและผลิใบรุ่นใหม่ กิ่งที่ยังไม่แก่มีสีเขียว อ่อนนุ่ม ดูเกือบจะอวบน้ำ กิ่งแก่มีสีเทามีรอยตะปุ่มตะป่ำ กิ่งเปราะ เปลือกลำต้นหนา ต้นที่โตเต็มที่จะมีความแข็งแรงมากขึ้น

       


       ใบ เป็นใบเดี่ยว มีการเรียงตัวแบบสลับและหนาแน่นใกล้ปลายกิ่ง มีลักษณะแตกต่างกันไปทั้งรูปร่าง ขนาด สี และความหนาแน่น โดยทั่วไป ใบจะหนา เหนียวแข็ง และมีสีตั้งแต่สีเขียวอ่อนถึงสีเขียวเข้ม มีเส้นกลางใบแตกสาขาออกไปคล้ายขนนก

        

     ช่อดอก ดอกจะผลิออกมาจากปลายยอดเหนือใบ แต่ก็มีบางชนิดที่ออกช่อดอกระหว่างใบ หรือใต้ใบ บางชนิดห้อยลงบางชนิดตั้งขึ้น ในหนึ่งช่อจะมีดอกบานพร้อมกัน 10–30 ดอก บางต้นที่มีความสมบูรณ์เต็มที่อาจมีดอกมากกว่า 100 ดอก ต่อ 1 ช่อ 

      


         ดอก โดยทั่วไปจะมีขนาดใหญ่ถึงกลาง ยกเว้นบางพันธุ์ที่มีขนาดเล็ก กลีบดอกมี 5 กลีบ เกสรตัวผู้ เกสรตัวเมีย อยู่ลึกเข้าไปข้างใน ดอกมีลักษณะคล้ายท่อ ทำให้มองไม่เห็นเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมีย โดยจะมีเกสรตัวผู้ 5 อัน อยู่ที่โคนก้านดอก ส่วนเกสรตัวเมียอยู่ลึกลงไปในก้านดอก เกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียบานไม่พร้อมกัน ยากต่อการผสมตัวเอง ที่มาของข้อมูล



     การใช้ประโยชน์       

       ฝัก ฝนทาแก้ริดสีดวงทวาร

       ราก มีรสขมเมา เป็นยาถ่าย แก้โรคหนองใน โรคไข้ข้ออักเสบ ขับลม

  เปลือกต้น ใช้ผสมน้ำมะพร้าว น้ำมันเนย และข้าว แก้โรคท้องเดิน ถ่ายท้อง ขับปัสสาวะ ขับประจำเดือน 

       ดอก มีรสขม ใช้ผสมใบพลูกินแก้ไข แก้ไข้มาลาเรีย ที่มาของข้อมูล

สารอาหารที่ปกป้องเเละบำรุงสายตา



สารอาหารที่ปกป้องเเละบำรุงสายตา


     ตา คือส่วนรับแสงสะท้อนของร่างกาย ทำให้สามารถมองเห็น และรับรู้สิ่งต่างๆรอบตัวได้ เมื่อคนเราแก่ตัวลงตาจะไม่ สามารถมองเห็นได้ชัดเจน และต้องใช้แว่น หรือคอนแทกต์เลนส์ จึงจะสามารถมองเห็นชัดเจนได้ ดังนั้นเราควรเริ่ม การดูเเลตั้งเเต่ตอนนี้ โดยทานอาหารที่มีส่วนช่วยในการบำรุงสายตา         ที่มาของข้อมูล

      วิตามินเเละเเร่ธาตุที่ช่วยในการบำรุงสายตา
      
   โอเมก้า3 (Omega-3) เป็นกรดไขมันสำคัญในการรักษาภาวะตาแห้ง พบมากในปลาทะเล เช่น ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน หรือในผลไม้ เช่น ผลกีวี่ 

                                                                                                                              ที่มาของข้อมูล

     สารลูทีน (Lutein) และ ซีแซนทีน (Zeaxanthin) เป็นสารกลุ่มแคโรทีนอยด์ ซึ่งเป็นรงควัตถุที่ช่วยกรองรังสียูวีจากแสงแดด พบได้ในจุดรับภาพที่จอประสาทตาและเลนส์ตา นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติช่วยต้านอนุมูลอิสระ ชะลอการเกิดโรคต้อกระจก  และโรคจอตาเสื่อมลูทีนและซีแซนทีน พบมากในไข่แดงและผักใบเขียว เช่น ผักคะน้า ปวยเล้ง บรอคโคลี


                                                                                                        ที่มาของข้อมูล

 สังกะสี(Zinc)มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและมีส่วนช่วยชะลอการดำเนินโรคจอประสาทตาเสื่อมให้ช้าลงพบในหอยนางรม เนื้อสัตว์ และตับ


                                                                                                                   ที่มาของข้อมูล

     สารสกัดจากใบแปะก๊วย (Ginkgo biloba) มีคุณสมบัติช่วยต้านอนุมูลอิสระในดวงตา

                                                                                                                 ที่มาของข้อมูล
   
      วิตามินเอ ช่วยในการทำงานของจอประสาทตา พบมากในผักจำพวกชะอม คะน้า ยอดกระถิน ตำลึง ผักโขม และฟักทอง



  •   วิตามินซี ช่วยชะลอการเกิดต้อกระจก พบมากในผลไม้ ได้แก่ ฝรั่ง ส้ม สับปะรด มะขามป้อม ส่วนผัก ได้แก่ กะหล่ำดอก บร็อคโคลี่

     

  •     
  •   วิตามินบี (บี1 และ บี12) ช่วยชะลอการเกิดต้อกระจก พบมากในไข่ เนื้อสัตว์ ตับและนมสด

      วิตามินอี ช่วยชะลอการเกิดต้อกระจกและพบในเซลล์รับแสงที่จอตา พบได้ในน้ำมัน ธัญพืช น้ำมันดอกคำฝอย ข้าวโพด และถั่วเหลือง


 


  •   เบต้าแคโรทีน มีบทบาทในการต้านอนุมูลอิสระและช่วยการมองเห็นในเวลากลางคืน พบมากในผักผลไม้ที่มีสีเหลืองส้ม เช่น ผักบุ้ง แครอท มะละกอ ข้าวโพดอ่อน หน่อไม้ฝรั่ง ข้อควรระวัง คือ การรับประทานเบต้าแคโรทีนในรูปอาหารเสริมเกินพอดี ควบคู่กับการสูบบุหรี่ อาจเพิ่มโอกาสเกิดมะเร็งปอดได้ 

     




  •    ซีลีเนียม (Selenium) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอการเกิดต้อกระจก พบในหอยนางรม หอยลาย ตับไก่ และเมล็ดทานตะวัน    ที่มาของข้อมูล

  •  

    สายต้านอนุมูนอิสระหมายถึง  สารที่ช่วยยับยั้งสารที่เกิดจากกระบวนการเผาผลาญอาหารในร่างกาย รวมถึงจากมลพิษต่างๆ จากสภาพแวดล้อมรอบตัว ก่อเกิดความผิดปกติ เซลล์ถูกทำลาย และเสื่อมได้เร็ว เกิดเป็นโรคชรา หรือแก่ก่อนวัย โรคภัยต่างๆก็สามารถเกิดได้ง่ายขึ้น ที่มาของข้อมูล






ผักใบเขียวน่ากิน

    

                             

                             ผักใบเขียว



ที่มาของข้อมูล


      ผักใบเขียว               

          คือ  ผักที่มีสีเขียวเเละบริโภคได้ ซึ่งเป็นแหล่งรวมของสารอาหารที่มีประโยชน์ต่างๆ และแร่ธาตุแม็กนีเซียมซึ่งเป็นองค์ประกอบอยู่ในโมเลกุลของคลอโรฟิลล์    ที่มาของข้อมูล

 แมกนีเซียม (Magnesium) คือแร่ธาตุที่สำคัญและจำเป็นของร่างกายมนุษย์ สามารถพบได้ในทุกเซลล์ของร่างกาย แต่บริเวณที่พบมากก็คือที่กระดูก ในเซลล์กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อ ดังนั้นแมกนีเซียมจึงถือเป็นแร่ธาตุจำเป็นที่ร่างกายขาดไม่ได้


    ประโยชน์ของผักใบเขียว

    •  แก้ท้องผูก แก้ปัสสาวะขุ่น
    •  ช่วยรักษาสมดุลของเกลือแร่ในร่างกาย
    • ช่วยควบคุมสมดุลของระดับแคลเซียม
    • ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ต่างๆ
    • เมื่อหายใจหรือกินเอาสารพิษเข้าไป คลอโรฟิลล์ก็จะเป็นพระเอกที่จะช่วยขับสารพิษต่างๆ ออกจากร่างกาย
    • ช่วยทำความสะอาดเซลล์ต่างๆ ทำความสะอาดกระเพาะอาหาร ลำไส้ และตับ
    • ช่วยให้กล้ามเนื้อต่างๆ ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
    • ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
    • ช่วยบำบัดอาการผมร่วง อาการนอนหลับยาก และปวดหัว
    • ป้องกันโรคหอบหือ และเส้นเลือดขอด
    • ช่วยในการเผาผลาญโปรตีน แป้ง และไขมัน ที่มาของข้อมูล

      


     สุดยอดผักใบเขียว 8 ชนิด ที่ควรกินเป็นประจำทุกวัน ดีต่อสุขภาพกาย และใจแน่นอน!

1. ผักเคล (Kale) 

สุดยอดผักใบเขียว

     ผักเคล หรือคะน้าใบหยิก เป็นผักที่กินได้ทั้งใบไปจนถึงก้าน จัดเป็นพืชผักในวงศ์ Brassicaceae เช่นเดียวกับคะน้า กะหล่ำปลี บร็อคโคลี่ และกะหล่ำดอก ผักเคลถูกขนานนามว่าเป็นราชินีแห่งผักสีเขียวทั้งมวล (Queen Of Greens) และได้รับการยอมรับว่าเป็น Super food หรืออาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และหลากหลาย เมื่อเทียบกับผักประเภทอื่น ๆ ในปริมาณที่เท่ากัน

    

2. ผักกาดเขียว (Mustard greens)

สุดยอดผักใบเขียว

     ผักกาดเขียว มีเบต้าแคโรทีนอยู่มาก เมื่อกินแล้วจะได้วิตามินเอซึ่งช่วยบำรุงให้ดวงตามีสุขภาพดี ป้องกันโรคตาบอดกลางคืน โรคตาฟาง และต้อตาในผู้สูงอายุ มีวิตามินซีที่ช่วยให้เหงือกแข็งแรง ลดอาการเลือดออกตามไรฟัน ผักกาดเขียวที่แก่แล้วจะมีกลิ่นฉุน และมีรสเผ็ดร้อน ซึ่งมีสรรพคุณในการช่วยย่อยอาหาร และบำรุงธาตุลมในร่างกาย รวมถึงมีเส้นใยที่มีประโยชน์ต่อการขับถ่ายอีกด้วย


3. ผักปวยเล้ง (Spinach)

     ผักปวยเล้ง เมื่อได้ยินชื่อภาษาอังกฤษ Spinach หลายคนจะเข้าใจผิด คิดว่าเป็นผักโขม   แต่จริง ๆ แล้ว Spinach คือชื่อเรียกของผักปวยเล้ง (ส่วนผักโขมมีชื่อภาษาอังกฤษว่า Amaranth ปวยเล้งถือว่าเป็นผักที่ดีต่อคนที่มีความเครียดเป็นประจำทุกวัน เพราะ ในผัก     ปวยเล้งมีกรดโฟลิกสูงเมื่อเทียบกับผักชนิดอื่น ๆ โดยกรดโฟลิก เป็นสารประกอบจำเป็นใน การสร้างสารซีโรโทนินในระบบเซลล์ประสาท สารตัวนี้ช่วยทำให้ร่างกายผ่อนคลาย นอน   หลับง่าย


4. ผักบุ้ง (Water spinach)

     ผักบุ้ง เป็นผักที่เราคุ้นเคยตั้งแต่ยังเด็ก  เนื่องมาจากผักบุ้งมีวิตามินเอสูง ซึ่งวิตามินเอจะบำรุงสายตา และช่วยให้ดวงตามีน้ำหล่อเลี้ยงจนตาเป็นประกาย ไม่แสบ ไม่แห้ง สรรพคุณแผนโบราณใช้รักษาตาแดงตามัว ตาฟาง บำรุงสายตา เป็นผักที่มีรสเย็น ช่วยบรรเทาอาการร้อนใน นอกจากนี้ผักบุ้งยังมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในการชะลอวัย ความแก่ชรา และชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัย


5. บรอกโคลี (Broccoli)

     บรอกโคลี เป็นผักในตระกูลกะหล่ำปลีที่มีรูปร่างหน้าตา และรสชาติคล้ายคลึงกับกะหล่ำดอก รับประทานได้ทั้งดอกอ่อน และก้าน นำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู เป็นที่นิยมในสายรักสุขภาพ บรอกโคลีจึงถูกยกให้เป็นหนึ่งในสุดยอดผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการ และมีประโยชน์ต่อสุขภาพนักวิจัยเชื่อว่า บรอกโคลีอุดมไปด้วยสารประกอบที่มีคุณสมบัติต้านเซลล์มะเร็ง โดยมีการศึกษาพบว่าใบ และลำต้นของบรอกโคลี มีสารต้านอนุมูลอิสระอย่างสารประกอบกลุ่มฟีนอลิก ซึ่งอาจช่วยลดการอักเสบ และความเสียหายของเซลล์ต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดมะเร็งได้


6. ขึ้นฉ่าย (Celery)

     ขึ้นฉ่าย หรือที่หลายคนเรียกคื่นช่าย เป็นผัก และสมุนไพรที่มีกลิ่นหอม ใบคล้ายกับผักชีแต่ใบใหญ่กว่า และมีกลิ่นฉุน นิยมใช้ในการปรุงอาหารที่ต้องการดับกลิ่นคาว หรือเพิ่มความหอมของน้ำซุป ขึ้นฉ่าย มีโพแทสเซียมสูง ทำให้หลอดเลือดขยายตัว ช่วยลดความดันโลหิตสูง ช่วยขับปัสสาวะ รักษาโรคปวดข้อ เช่น รูมาติก และโรคเกาต์ มีโซเดียมอินทรีย์ที่สามารถช่วยปรับความเป็นกรด และด่างในเลือดให้สมดุล น้ำคั้นจากขึ้นฉ่ายมีสรรพคุณเป็นยากล่อมประสาท ทำให้รู้สึกสบาย และนอนหลับได้ดี


7. ชะอม (Climbing wattle / Cha-om)

     ชะอม เป็นไม้พุ่มขนาดย่อม มีหนามแหลม ส่วนลักษณะของใบชะอมเป็นใบประกอบสีเขียวขนาดเล็ก ชะอม ชะอมมีสรรพคุณช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ เนื่องจากมีวิตามินเอสูง ช่วยในการขับถ่าย ป้องกันโรคท้องผูก รากชะอมนำมาฝนกินช่วยแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ปวดท้อง และช่วยขับลมในลำไส้ได้นับว่าเป็นผักที่มีประโยชน์สูงต่อสุขภาพที่มาของข้อมูล



การนำเสนอพันธ์ุไม้จากสวนพฤกศาสตร์ โรงเรียนพระหฤทัยดอนเมืง

 7-10210-010-054   7         คือ รหัสกิจกรรมสร้างจิตสำนึกฯ  10210 คือ รหัสไปรษณีย์ประจำท้องถิ่นโรงเรียน 010      คือ รหัสสมาชิกสวนพฤกศาสตร์...